เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก
ข้อมูลบรรณานุกรม  #1149535    

ความนิยม
ประเภทวัสดุ หนังสือ
ชื่อเรื่องคดีปราสาทพระวิหาร ปี ค.ศ. 1962 และ 2013: ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง = Cases concerning the Temple of Phra Viharn in 1962 and 2013: matter of fact and matter of law / เชิดชู รักตะบุตร
Dewey Call #341.42 ช64ค
ผู้แต่งเชิดชู รักตะบุตร
หัวเรื่องปราสาทพระวิหาร--คดีความ
 ปราสาทพระวิหาร--ปัญหาและข้อพิพาท
ISBN9786163411129
พิมพลักษณ์กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, 2565
ชื่อเรื่องคดีปราสาทพระวิหาร ปี ค.ศ. 1962 และ 2013: ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง = Cases concerning the Temple of Phra Viharn in 1962 and 2013: matter of fact and matter of law / เชิดชู รักตะบุตร
Dewey Call #341.42 ช64ค
ผู้แต่งเชิดชู รักตะบุตร
ISBN9786163411129
พิมพลักษณ์กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, 2565
เนื้อหาคำฟ้องของกัมพูชาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศฉบับลงวันที่ 6 ตุลาคม 2502 (ค.ศ. 1959) -- บันทึกคำให้การของกัมพูชาฉบับลงวันที่ 20 มกราคม 2503 (ค.ศ. 1960) -- บันทึกคำให้การของไทยฉบับลงวันที่ 29 กันยายน 2503 (ค.ศ. 1960) -- บันทึกคำให้การเพิ่มเติมของกัมพูชาฉบับลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2504 (ค.ศ. 1961) -- บันทึกคำให้การเพิ่มเติมของไทยฉบับลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2505 (ค.ศ.1962) -- คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศฉบับลงวันที่ 15 มิถุนายน 2505 (ค.ศ. 1962) และความเห็นแย้งของผู้พิพากษาบางท่าน -- คำพิพากษาในส่วนปฏิบัติการ(Operative Provision / Dispositif) -- คำร้องขอให้พิพากษาตีความของกัมพูชาฉบับลงวันที่ 28 เมษายน 2554 (ค.ศ. 2011) -- ข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษร (Written Observation) ของไทยฉบับลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) คำตอบของกัมพูชา ฉบับลงวันที่ 8 มีนาคม 2555 (ค.ศ. 2012) ข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมของไทย -- ฉบับลงวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) คำพิพากษาตีความของศาลในปี 2556 ฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 (ค.ศ. 2013) -- ข้อกฎหมายกับการใช้เหตุผลของคู่ความและศาล -- ประเด็นต่อสู้เรื่องอำนาจศาล -- คำพิพากษาของศาลในเรื่องอำนาจศาล -- ประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องเขตแดน -- การใช้เหตุผลของกัมพูชาในปี 2502 (ค.ศ. 1959) -- ข้อต่อสู้ของไทยในปี 2502 - 2505 (ค.ศ. 1959 - 1962) -- คำพิพากษาตีความในปี 2556 (ค.ศ. 2013) -- การเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินการต่อไปในอนาคต -- เราจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร
หัวเรื่องปราสาทพระวิหาร--คดีความ
 ปราสาทพระวิหาร--ปัญหาและข้อพิพาท
ลักษณะทางกายภาพ100 หน้า : ภาพประกอบ
LDR 04843nam a2200205 4500
005 20230320160312.0
008 230320s2565 th a ||| | tha d
020__‡a9786163411129
040__‡aSongkhla Rajabhat University
08204‡a341.42‡bช64ค
1000_‡aเชิดชู รักตะบุตร
24510‡aคดีปราสาทพระวิหาร ปี ค.ศ. 1962 และ 2013: ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง =‡bCases concerning the Temple of Phra Viharn in 1962 and 2013: matter of fact and matter of law /‡cเชิดชู รักตะบุตร
260__‡aกรุงเทพฯ :‡bศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ,‡c2565
300__‡a100 หน้า : ‡bภาพประกอบ
5052_‡aคำฟ้องของกัมพูชาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศฉบับลงวันที่ 6 ตุลาคม 2502 (ค.ศ. 1959) -- บันทึกคำให้การของกัมพูชาฉบับลงวันที่ 20 มกราคม 2503 (ค.ศ. 1960) -- บันทึกคำให้การของไทยฉบับลงวันที่ 29 กันยายน 2503 (ค.ศ. 1960) -- บันทึกคำให้การเพิ่มเติมของกัมพูชาฉบับลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2504 (ค.ศ. 1961) -- บันทึกคำให้การเพิ่มเติมของไทยฉบับลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2505 (ค.ศ.1962) -- คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศฉบับลงวันที่ 15 มิถุนายน 2505 (ค.ศ. 1962) และความเห็นแย้งของผู้พิพากษาบางท่าน -- คำพิพากษาในส่วนปฏิบัติการ(Operative Provision / Dispositif) -- คำร้องขอให้พิพากษาตีความของกัมพูชาฉบับลงวันที่ 28 เมษายน 2554 (ค.ศ. 2011) -- ข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษร (Written Observation) ของไทยฉบับลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) คำตอบของกัมพูชา ฉบับลงวันที่ 8 มีนาคม 2555 (ค.ศ. 2012) ข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมของไทย -- ฉบับลงวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) คำพิพากษาตีความของศาลในปี 2556 ฉบับลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 (ค.ศ. 2013) -- ข้อกฎหมายกับการใช้เหตุผลของคู่ความและศาล -- ประเด็นต่อสู้เรื่องอำนาจศาล -- คำพิพากษาของศาลในเรื่องอำนาจศาล -- ประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องเขตแดน -- การใช้เหตุผลของกัมพูชาในปี 2502 (ค.ศ. 1959) -- ข้อต่อสู้ของไทยในปี 2502 - 2505 (ค.ศ. 1959 - 1962) -- คำพิพากษาตีความในปี 2556 (ค.ศ. 2013) -- การเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินการต่อไปในอนาคต -- เราจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร
520__‡aประเด็นแห่งคดีของคดีปราสาทพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาอยู่ที่อธิปไตยเหนือปราสาท มูลเหตุสำคัญแห่งคดีปราสาทพระวิหารเกิดจากแผนที่ที่เป็นผลงานของคณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศส ซึ่งมีหน้าที่ปีกปันเขตแดนนั้นมีความแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ในภูมิประเทศ จึงเป็นสาเหตุของการแสดงเครื่องหมายปราสาทพระวิหารไว้ทางทิศใต้ของเส้นเขตแดนที่ปรากฎในแผนที่ซึ่งเป็นฝั่งกัมพูชาของเส้นในแผนที่ ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงของภูมิประเทศ กับตามข้อบทของสนธิสัญญาแล้ว ปราสาทตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสันปันน้ำซึ่งอยู่ในฝั่งไทยซึ่งเป็นดังนั้นทั้งตามข้อเท็จจริงในสภาพทางภูมิศาสตร์ของภูมิประเทศและตามข้อบทของสนธิสัญญา แต่จากความเป็นมาในประวัติศาสตร์ การทำงานของคณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศส ผู้ทำหน้าที่ปักปันเขตแดน สิ้นสุดลงก่อนที่จะทำแผนที่สำเร็จ คณะกรรมการผสมฯ ไม่เคยตรวจสอบความถูกต้องและไม่เคยรับรองแผนที่นั้น อย่างไรก็ตาม ประเทศภาคีสนธิสัญญาได้รับใช้งานและได้รับประโยชน์จากแผนที่ฉบับนี้มาเป็นเวลานานทั้งในแง่ความมีเสถียรภาพและความเป็นที่สุดของเส้นเขตแดน เมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการครอบครองพื้นที่เกิดขึ้น และได้มีการนำคดีขึ้นสู่ศาลจึงเกิดเป็นประเด็นข้อกฎหมายว่าความเป็นสามเส้าระหว่างสนธิสัญญากับแผนที่ และสภาพภูมิประเทศจริง นั้น สิ่งใดเป็นเครื่องซื้อธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร ประเด็นแห่งคดีได้ทวีความชับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อกัมพูชาต้องการขยายข้อพิพาทจากประเด็นอธิปไตยเหนือปราสาทเป็นประเด็นด้านเส้นเขตแดน และขอให้ศาลพิพากษาว่าเส้นในแผนที่เป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาไปด้วยซึ่งการขยายประเด็นแห่งคดีนั้น มีผลให้เกิดการขยายพื้นที่พิพาทจากปราสาทหรือบริเวณปราสาทพระวิหารเป็นเขาพระวิหารและพนมตรับหรือภูมะเขือ ข้อพิพาทที่ชับซ้อนในปี 2505 (ค.ศ. 1962) ได้ถูกหยิบยกขึ้นขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความอีกครั้งในปี 2554 (ค.ศ. 2011)ในคดีแรกทั้งสองฝ่ายต่อสู้ด้วยเหตุผลทางกฎหมายและหลักฐานทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง แต่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยหลักกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติต่อมา (Acquiescense) กับหลักกฎหมาย ปิดปาก (Estoppe) ไม่ให้ไทยยกขึ้นต่อสู้ว่าไทยไม่รับรองแผนที่ เป็นผลให้ศาลวินิจฉัยว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในดินแดนภายใต้อธิปไตยกัมพูชาแต่ในเวลาเดียวกัน ศาลก็วินิจฉัยว่าประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้มีเรื่องเดียวคือเรื่องอธิปไตยเหนือดินแดน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเส้นเขตแดน ดังนั้น แม้ศาลจะพิจารณาเรื่องสถานะของแผนที่และเส้นในแผนที่ซึ่งเป็นคุณแก่กัมพูชาในประเด็นอธิปไตยก็ตาม แต่ศาลก็วินิจฉัยในฐานะที่เป็นเหตุผลในการพิพากษา แต่ไม่พิพากษาให้ในฐานะที่เป็นคำบังคับที่กัมพูชาจะอาศัยมาตีความ เพื่ออ้างสิทธิในพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากบริเวณปราสาทความข้อนี้ได้รับการยืนยันอีกครั้งในคำพิพากษาตีความเมื่อปี 2556 (ค.ศ. 2013)คำพิพากษาตีความได้ให้ความกระจ่างแก่คู่ความมากขึ้นว่า พื้นที่บริเวณปราสาทที่ไทยต้องถอนทหารนั้น คือยอดเขาพระวิหาร ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเด่นชัดทุกด้าน ส่วนทางทิศเหนือ ศาลตีความว่าคือเส้นในแผนที่ภาคผนวก 1 ดังนั้น ในเมื่อแผนที่ภาคผนวก 1 ถูกสร้างขึ้นโดยผิดจากความเป็นจริง คำพิพากษาทั้งสองครั้งจึงยังไม่สามารถเฉลยข้อพิพาทระหว่างสองประเทศได้ทั้งหมด ซึ่งจะยังเป็นหน้าที่ของคู่ความทั้งสองที่จะต้องใช้วิธีเจรจากันต่อไป
651_7‡aปราสาทพระวิหาร‡xคดีความ
651_7‡aปราสาทพระวิหาร‡xปัญหาและข้อพิพาท
850__‡aSKRU
เลือกห้องสมุด :
 บาร์โค้ดเลขหมู่/เล่มที่Collectionห้องสมุดสาขาสถานที่จัดเก็บสถานะ
201558341.42 ช64ควิจัยสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา อ.บรรณราชนครินทร์ ชั้น 1   อยู่บนชั้น
 
เพิ่มความเห็น
ชื่อของคุณ
ความเห็น
เพิ่มบทวิเคราะห์
ชื่อของคุณ
เนื้อหา
เพิ่มรายการ
ชื่อเรื่อง
สร้างใน
เก็บในโฟลเดอร์เดียวกันทุกรายการ
สร้างโฟลเดอร์
ชื่อโฟลเดอร์
ผลลัพธ์การเพิ่มรายการ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2555, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สงวนสิทธิ์ทั้งหมด